โรคเบาหวาน คืออะไร?

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) คือ ภาวะเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติในการผลิตหรือใช้งานอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาล ในเลือด ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าปกติ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคหัวใจ ไตวาย ตาบอด หรือแผลที่เท้าจนต้องตัดอวัยวะ

ตอนที่ 1 : ประเภทของโรคเบาหวาน

ตอนที่ 2 : สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน

ตอนที่ 3 : อาการเบื้องต้นของเบาหวาน

ตอนที่ 4 : อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน กินอะไรได้บ้าง?

ตอนที่ 5 : แนวทางการรักษาเบาหวาน

ตอนที่ 6 : สรุป

ประเภทของ โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน

ประเภทของเบาหวานสามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ 4 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีสาเหตุและวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน

1.) เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes)

เบาหวานชนิดนี้เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ส่งผลให้ร่างกายไม่มีอินซูลินเลย หรือมีในปริมาณน้อยมาก

  • มักเกิดในวัยเด็กและวัยรุ่น
  • ต้องพึ่งอินซูลินจากภายนอกตลอดชีวิต
  • มีอาการเด่นชัด เช่น น้ำหนักลดมาก หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย

 

2.) เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)

ชนิดนี้พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดในผู้ใหญ่ แต่ปัจจุบันพบมากขึ้นในวัยรุ่น

  • เกิดจากร่างกายดื้อต่ออินซูลิน หรือใช้อินซูลินได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น กินอาหารไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย และภาวะอ้วน
  • อาการอาจไม่ชัดเจนในช่วงแรก จึงควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ
  • สามารถควบคุมได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและรับประทานยา

 

3.) เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes)

เป็นเบาหวานที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงกลางถึงปลายการตั้งครรภ์

  • ส่วนใหญ่จะหายไปหลังคลอด แต่แม่และลูกจะมีความเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 สูงขึ้นในอนาคต
  • ต้องควบคุมอาหาร ตรวจน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ และบางรายอาจต้องใช้ยา


4.) เบาหวานจากสาเหตุเฉพาะอื่นๆ (Other Specific Types of Diabetes)

  • พันธุกรรมที่ส่งผลต่อการทำงานของอินซูลิน
  • โรคตับอ่อนเรื้อรัง
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ หรือยารักษามะเร็ง
  • โรคต่อมไร้ท่อ เช่น คุชชิงซินโดรม

สาเหตุของการเกิด โรคเบาหวาน

เบาหวานเกิดจากความผิดปกติในการทำงานของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยแต่ละประเภทของเบาหวานมีสาเหตุเฉพาะที่แตกต่างกัน

สาเหตุ โรคเบาหวาน

1.) Type 1 Diabetes

2.) Type 2 Diabetes

3.) Gestational Diabetes

4.) เบาหวานจากสาเหตุเฉพาะอื่นๆ

อาการเบื้องต้นของเบาหวาน

โรคเบาหวาน

เบาหวานมักมีพัฒนาการอย่างช้าๆ โดยเฉพาะชนิดที่ 2 ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคนี้ จนกว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มีอาการเบื้องต้นบางอย่างที่สามารถสังเกตได้ ซึ่งควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาค่าน้ำตาล หากพบอาการเหล่านี้แต่การเล่น หวยไว สามารถทำได้เลย

อาการทั่วไปของ โรคเบาหวาน

  1. ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน เพราะร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินทางปัสสาวะ 
  2. หิวน้ำบ่อย เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำผ่านปัสสาวะมากกว่าปกติ 
  3. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้จะกินปกติหรือมากขึ้น ร่างกายก็ยังดึงพลังงานจากไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้ 
  4. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เนื่องจากน้ำตาลไม่สามารถเข้าสู่เซลล์เพื่อให้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  5. สายตาพร่ามัว น้ำตาลในเลือดสูงทำให้ของเหลวในดวงตาเปลี่ยนแปลง 
  6. แผลหายช้า โดยเฉพาะแผลที่เท้าหรือขา เพราะการไหลเวียนของเลือดไม่ดีและภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
  7. ติดเชื้อง่าย เช่น การติดเชื้อทางผิวหนัง ช่องปาก หรือทางเดินปัสสาวะ

อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน กินอะไรได้บ้าง?

โรคเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ หากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม โดยการเลือกอาหารมีบทบาทสำคัญมาก อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานควรช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ลดไขมันส่วนเกิน และส่งเสริมสุขภาพหัวใจโดยรวม

✅อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถกินได้

1.) ข้าวไม่ขัดสีหรือธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ควินัว ย่อยช้ากว่า ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งเร็ว 

2.) โปรตีนคุณภาพสูง อกไก่ ไข่ขาว ปลา (โดยเฉพาะปลาทะเล เช่น แซลมอน ซาร์ดีน) เต้าหู้ ถั่วต่าง ๆ (เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วลิสง) ช่วยให้อิ่มนาน ไม่กระตุ้นน้ำตาลในเลือด 

3.) ผักไม่แป้ง เช่น ผักใบเขียว คะน้า ผักกาด บรอกโคลี แตงกวา ให้ใยอาหารสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมัน 

4.) ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ เช่น ฝรั่ง แอปเปิล ส้มโอ เบอร์รี ควรกินในปริมาณพอเหมาะ และไม่ควรแช่เย็นจนหวานจัด 

5.) ไขมันดี น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดแฟลกซ์ ลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจ 

6.) นมพร่องมันเนยหรือนมถั่วเหลืองไม่เติมน้ำตาล ให้แคลเซียม แต่ต้องหลีกเลี่ยงน้ำตาลแฝง

❌ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว
  • น้ำตาล น้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่อง
  • อาหารทอดหรือมีไขมันทรานส์ เช่น โดนัท ไก่ทอด
  • ขนมหวาน เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้
  • ผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย ขนุน
  • อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน หมูยอ

แนวทางการรักษา โรคเบาหวาน

1.) การควบคุมอาหาร

  • ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน)
  • เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี)
  • กินผักหลากสี ไฟเบอร์สูง ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
  • เลี่ยงของทอด ไขมันอิ่มตัว และโซเดียมสูง
  • แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยวันละ 5–6 มื้อ เพื่อลดภาวะน้ำตาลแกว่ง

 

2.) การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ อย่างน้อย 30 นาที/วัน
  • ควรทำสัปดาห์ละ 5 วันขึ้นไป หรือรวมไม่ต่ำกว่า 150 นาที/สัปดาห์ แต่ หวยไว  เล่นได้ 24 ชั่วโมงออกผลทุกนาที

 

3.) การใช้ยา

  • เบาหวานชนิดที่ 2 มักเริ่มด้วยยาเม็ด เช่น Metformin
  • หากควบคุมไม่ได้ อาจเพิ่มยาอื่น เช่น Sulfonylureas, DPP-4 inhibitors
  • เบาหวานชนิดที่ 1 ต้องฉีดอินซูลินตั้งแต่แรก และติดตามต่อเนื่อง

 

4.) การตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด

  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (ทั้งแบบปลายนิ้วหรือ HbA1c ทุก 3 เดือน)
  • ตรวจสายตา เท้า ไต อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  • ผู้ป่วยควรมีสมุดบันทึกค่าน้ำตาลหรือใช้แอปพลิเคชันช่วยวิเคราะห์


5.) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและจิตใจ

  • พักผ่อนเพียงพอ ลดความเครียด เพราะฮอร์โมนความเครียดกระตุ้นน้ำตาลในเลือด
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • สร้างกำลังใจ และหากจำเป็น ควรพบผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต

 

6.) ทางเลือกเสริม (ใช้ร่วมกับแพทย์แผนหลัก)

  • การแพทย์แผนไทย หรือสมุนไพรบางชนิด (เช่น มะระขี้นก, กระเทียม) แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
  • อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน (ที่ปลอดภัยและผ่านการรับรอง)

สรุป

เบาหวาน โรคที่ใกล้ตัวมนุษย์มากที่สุดและเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ทุกคนมักจะเป็นกัน อาหารการกินมีส่วนสำคัญมากๆที่ทำให้เกิดโรคนี้ วิธีหลีกเลี่ยงและปกป้องก็สามารถเข้ามาดูกันได้ก่อนจะสาย